สภาวะหมอกควันปกคลุม หรือ สภาพฟ้าหลัวในช่วงหน้าแล้งระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม ตามที่ชาวบ้านมักเรียกกันนั้น เกิดขึ้นเนื่องมาจากการที่มีปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก (PM10) สูงเกินมาตรฐาน (ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) สาเหตุหลักคือเกิดจากการเผาทุกชนิด อันได้แก่ การเผาไร่ นา เผาขยะ เผาเศษกิ่งไม้ใบไม้ รวมทั้งการเผาป่า และไฟป่าด้วย ในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะภาคเหนือตอนบนนั้น หลายๆจังหวัดมีสถานการณ์รุนแรงตรวจวัดปริมาณฝุ่นสูงเกินมาตรฐานติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ส่งผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
ในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หลายๆคนยังเผชิญกับอาการเจ็บป่วย ที่เกิดจาก ”สภาวะหมอกควัน” ซึ่งได้แก่อาการไอ เจ็บคอ เป็นหวัด แสบตา แสบจมูก หายใจติดๆขัดๆ นอกจากคนจะเจ็บป่วยไปตามๆกันแล้ว มีสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆเกาะอยู่ตามต้นไม้ ที่ไม่ค่อยแข็งแรงยามที่มีมลพิษอากาศมากๆเหมือนกัน คือ ไลเคน หรือที่บางคนเรียกว่า ขี้กลากต้นไม้นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยระหว่างรากับสาหร่าย โดยราทำหน้าที่ปกป้องสาหร่ายจากความแห้งแล้ง ส่วนสาหร่ายทำหน้าที่สังเคราะห์แสงและอาหารให้แก่รา ไลเคนที่พบอยู่บริเวณลำต้นของต้นไม้จะไม่ทำอันตรายแก่ต้นไม้ที่ไลเคนเกาะอยู่ เพราะเป็นการอยู่ร่วมกันแบบภาวะอิงอาศัย ไลเคนได้ถูกนำมาใช้เป็นดัชนีชี้วัดคุณภาพอากาศมาช้านาน เนื่องจากไลเคนไม่สามารถทนอยู่ในสภาพที่มีมลพิษอากาศสูงๆได้ ดังนั้นในบริเวณที่อากาศไม่ดีเราจะไม่เจอไลเคนเลย หรือเจอไลเคนน้อยมาก เมื่อเทียบกับบริเวณที่มีอากาศดี นอกจากนี้หากเกิดมลพิษทางอากาศในระดับที่รุนแรงไลเคนอาจเกิดการเปลี่ยนได้ ที่เห็นได้ชัดเจนทางกายภาพคือ แผ่นใบไลเคนโดยเริ่มจากบริเวณขอบใบจะซีดขาว ซึ่งจะสามารถเห็นได้ชัดถ้าเราลองเอาน้ำสเปรย์ลงไปบนแผ่นใบ ทั้งนี้เนื่องจากคลอโรฟิลล์ที่แผ่นใบถูกทำลายนั่นเอง นอกจากนี้แผ่นใบยังแห้งจนหลุดลอกออกไปด้วย หากไลเคนที่เกาะอยู่ตามต้นไม้ทีบ้านของท่านเริ่มมีอาการเหล่านี้ที่ว่ามา ควรรีบป้องกันตัวเองและคอยรับสถานการณ์มลพิษทางอากาศที่กำลังเกิดขึ้นเนื่องจากท่านเองก็อาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน
กฤติกา ป้อมเผือก
นักวิชาการสิ่งแวดล้อม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น