
TACIT KNOWLEDGE
หัวข้อ พระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของข้าราชการ พ.ศ. 2552
วิทยากร นางพรสวรรค์ เครือนวล เจ้าหน้าที่พัสดุ ชำนาญงาน
ฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง
วันที่ 19 สิงหาคม 2552
สถานที่ ห้องประชุมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 26 คน
องค์ความรู้ที่ได้รับจากกิจกรรม
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือในระบบประชาธิปไตรการให้ประชาชนมีโอกาสกว้างขวางในการได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ ของรัฐเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่ประชาชนจะได้สามารถแสดงความคิดเห็นและใช้สิทธิทางการเมืองได้โดยถูกต้องตามความเป็นจริงอันเป็นการส่งเสริมให้มีความเป็นรัฐบาล โดยประชาชนมากยิ่งขึ้นสมควรกำหนดให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น สมควรให้ประชาขนมีสิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสารของทางราชการโดยมี
โดยมีข้อยกเว้นอันไม่ต้องเปิดเผยที่แจ้งชัดและจำกัดเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่หากเปิดเผยแล้วจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติหรือต่อประโยชน์ที่สำคัญของเอกชน ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาระบบประชาธิปไตรให้มั่นคงและจะยังผลให้ประชาชนมีโอกาสรู้ถึงสิทธิหน้าที่ของตนได้อีกประการหนึ่งด้วยประกอบกับสมควรคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารของราชการไปพร้อมกันจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
การประกาศกฎหมายข้อมูลข่าวสารในราชกิจจานุเบกษา : เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2540 เล่ม 114 ตอนที่ 46 ก
วันบังคับใช้กฎหมายข้อมูลข่าวสาร : วันที่ 9 ธันวาคม 2540
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง : ในสมัยรัฐบาลยานชวนหลีกภัย นายกรัฐมนตรี
คำนิยาม
ข้อมูลข่าวสาร หมายความว่าสิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริงข้อมูลหรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะทำได้โดยสารภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึก ภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้กรากฎได้
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ
ข้อมูลข่าวสารของราชการ หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐของข้อมูลข่าวาสารเกี่ยวกับเอกชน
หน่วยงานของรัฐ หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่นรัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วน ที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากคดีองค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพหน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
ส่วนกลาง กระทรวง , ทบวง, กรม
ส่วนภูมิภาค จังหวัด, อำเภอ
ส่วนท้องถิ่น เทศบาล, อบจ., อบต., กทม., เมืองพัทยา
เจ้าหน้าที่ของรัฐข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล หมายความว่า ผู้ซึ่งปฎิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ
โดยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่นที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
องค์กรตามกฎหมาย
1. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ คณะกรรมการกฤษฎีการ เลขาธิการ คณะกรรมการเข้าราชการพลเรือน เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขากฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณและผู้ทรงคุณวุฒิอื่นจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีก 9 คน เป็นกรรมการด้วย
อำนาจหน้าที่
1. สอดส่องดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการปฎิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
2. ให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการปฎิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ตามที่ได้รับการขอ
3. เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือระเบียบองคณะรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัตินี้
4. พิจารณาและให้ความเห็นเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 13
บัญญัติและผู้เกี่ยงข้อง
มาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ องค์ประกอบจำนวน 23 คน
- รมต. ที่ นรม. มอบหมาย
- กรรมการโดยตำแหน่ง 13 คน
- กรรมการแต่งตั้ง 9 คน (ผู้ทรงคุณวุฒิ)อยู่ในวาระ 3ปี
2. คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
องค์ประกอบ : ให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่างๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งตามข้อเสนอของคณะกรรมการ
อำนาจหน้าที่ : พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตร 14 หรือ 15 หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตร 17 และคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารบุคคลตามมาตร 25
คำนิจฉัย : คำวินิจฉัยของคณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลขาวสารให้เป็นที่สุดและในการวินิจฉัยจะมีข้อสังเกตเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องปฎิบัติเกี่ยวกับกรณีใดตามที่เห็นสมควรก็ได้
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ คณะหนึ่งต้องมีกรรมการไม่น้อยกว่า 3 คน อยู่ในวาระ 3 ปี
3. สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
องค์กร : ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขึ้นใน สำนักงานปลัดสำนักงานรัฐมนตรี
หน้าที่ : ปฎิบัติเกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการแลคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร งานกับหน่วยงานของรัฐ ให้คำปรึกษาแก่เอกชนเดียวกับการปฎิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 6 แห่งข้อมูลข่าวสารฯ กำหนดให้เป็นหน่วยงานราชการระดับกอง
สิทธิตามกฎหมาย
1. สิทธิได้รู้ตามมาตรา 7
หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังนี้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
- โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
- สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
- คำแนะนำในการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานของรัฐ
- กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับคำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบแบบแผนนโยบายหรือการตีความ
- ข้อมูลข่าวสารอื่นที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้วถ้ามีการรลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิงพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่าเป็นการตามบทบัญญัติวรรคหนึ่งแล้วให้มีหน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งให้เผยแพร่เพื่อขยายหรือจำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตามที่เห็นสมควร
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา: 7 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ ประชาชน มีสิทธิตรวจดูหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่นำลงพิมพ์ในกิจจานุเบกษา และจัดพิมพ์เผยแพร่เพื่อจำหน่ายจ่ายแจก
2. สิทธิตรวจดูตามมาตรา 9
ภายใต้บังคับมาตรา 14 และ 15 หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั่งนี้ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดเวลาอุทรธณ์
- ผลการพิจารณาและคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้ง และคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัยดังกล่าว
- นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตตาม มาตรา 7 (4)
- แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
- คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยงกับวิธีปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
- สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงมาตรา 7 วรรคสอง
- สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
- มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมายหรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงานทางวิชาการกับงานข้อเท็จจริงหรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในพิจารณาไว้
- ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่ คณะกรรมการกำหนดข้อมูลข่าวสารที่จัดทำให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่งถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา 14 และ 15 อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น
หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่
1. จัดสถานที่ลงประกาศในราชกิจานุเบกษา
2. นำข้อมูลข่าวสารมาแสดงในสถานที่ ตาม 1
3. จัดทำดัชนีสำหรับค้นหา
4. กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการเข้าตรวจดู
3. สิทธิขอดูงานตามมาตรา 11
นอกกจากข้อมูลข่าวสารของทางราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดให้ ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้วหรือที่มีการจัดให้ประชาชน ได้ค้นคว้าตามมาตราที่ 26แล้วถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่างสารอื่นใดของราชการและคำขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสารที่ต้องการที่ต้องการในลักษณะที่อาจเข้าใจ ได้ตามควรที่หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควรเว้นแต่ผู้นั้น ขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งจนไม่มีเหตุผลอันสมควร
ข้อมูลข่าวสารของราชการได้มีสภาพอาจบุบหรือสลายได้ง่ายหน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจัดทำสำเนา ให้ในสภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูลข่าวสารนั้นก็ได้
ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยนของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมจะให้ได้มิใช่เป็นการต้องไปจัดทำวิเคราะห์จำแนกรวบรวม หรือจัดให้มีการขึ้นใหม่เว้นแต่เป็นการแปลสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ในระบบการบันทึกภาพหรือเสียงจากระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบอื่นๆ ใด ทั้งนี้ตามที่คณะกรรมการกำหนดแต่ถ้าหากหน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณีที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้นหรือเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะหน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้ก็ได้
บทบัญญัติวรรคสามไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการได้ขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหาก เป็นการสอดคล้องด้วยอำนาจหน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้ว ให้นำความในมาตรา 9วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่มาใช้บังคับแก่การจัดหาข้อมูลข่าวสารได้ตามมาตรานี้ โดยอนุโลม
4. สิทธิได้รับสำเนาและขอให้รับรองสำเนาถูกต้อง
บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนใดได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตามย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือตรวจดุสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการก็ได้ ในกรณีนี้ให้คำนึกถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วยทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 9 และ 11 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ ประชาชนใช้สิทธิขอสำเนา
หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่
1. คัดสำเนาและรับรำเนา
2. กำหนอัตราค่าธรรมเนียม
สิทธิคัดค้านการเปิดเผย
มาตรา 17 ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของงานราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใดให้เจ้าหนี้ที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคำคัดค้านภายในเวลา ที่กำหนดแต่ให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคำคัดค้านได้จึงต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
ผู้ที่ได้รับจั้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ได้ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงผลประโยชน์ได้เสียขอตน มีสิทธิการคัดค้านของข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยทำเป็นหนังสือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ
ในกรณีที่มีคำคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคำคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่คำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นมิได้จนกว่าจะล้วงพ้นตามมาตรา 18 หรือ จนกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้แล้วแต่กรณี
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ ประชาชนทั่วไปยื่นคำขอข้อมูล
ประชาชนทั่วไป
- คัดค้าน
- ใช้สิทธิคัดค้านพร้อมแสดงเหตุผล
- ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้าน
หน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่
- แจ้งผู้มีส่วนได้เสียคัดค้าน
- พิจารณาคำคัดค้าน
สิทธิเรียกร้อง
มาตรา 13 ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 7 หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา 9 หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา 11 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้หรือปฏิบัติหน้าที่ล้าช้าหรือเห็นว่าตนสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 15 หรือคำสั่งไม่รับฟังไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา 25
ในกรณีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่งคณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน ที่ได้รับคำร้องเรียน ในกรณีที่ได้มีเหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลและรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 60 วัน
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร ฯ
ประชาชน ใช้สิทธิร้องเรียนหน่วยงานของรัฐ
- มีพฤติกรรมฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กขร.
- มีหน้าที่พิจารณาคำร้องเรียน กขร.
- ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
สิทธิอุธรณ์
มาตรา 18 ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา 14 มาตรา 15 หรือมีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านของผู้มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา 17 ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน 15 วันนัยแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น โดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
มาตรา 25 วรรคสี่ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มีคำขอ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ ได้รับแจ้งคำสั่งไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร โดยยื่นคำอุธรณ์ต่อคณะกรรมการและไม่ว่ากรณีใดๆ ให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องขอให้หน่วยงานของรัฐหมายเหตุคำขอของตนแนบไว้กับข้อมูลข่าวสาร ส่วนที่เกี่ยวข้องได้
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร
ประชาชน ใช้สิทธิอุทธรณ์ได้ 3 กรณี
หน่วยงานของรัฐ
- มีคำสั่งปฏิเสธไม่เปิดเผย/ไม่รัยฟังคำคัดค้าน/ไม่แก้ไขข้อมูลข่าวสารส่วนบุคลากร กขร.
- รับฟังคำอุทธรณ์
- พิจารณาส่งเรื่องอุทธรณ์ให้คณะกรรมการวินิจฉัยฯ กวล.
- พิจารณาคำอุทธรณ์
สิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
มาตรา 25 ภายใต้บังคับมาตรา 14 และมาตรา 15 บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนและเมื่อบุคคลนั้นที่คำขอเป็นหนังสือหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้น และให้นำมาตรา 9 วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม
การเปิดเผยรายงานการแพทย์ที่เกี่ยวกับบุคคลใดถ้ากรณีที่มีเหตุผลอันควรเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยต่อเฉพาะแพทย์ที่บุคคลนั้นมอบหมายก็ได้
ถ้าบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารบุคคลเกี่ยวกับตนส่วนใดไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริงให้มีสิทธิยื่นคำขอเป็นหนังสือที่ให้หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นได้ ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาคำขอดังกล่าว และแจ้งให้บุคคลนั้นทราบโดยไม่ชักช้า
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
- สิทธิขอดู
- ขอให้แก้ไข
ประชาชนอื่นจะขอดูได้ต้องได้รับหนังสือยินยอมจากเจ้าของข้อมูลหน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่
- เปิดเผยแก่เจ้าของข้อมูล
- แก้ไข/หมายเหตุตามคำร้องขอเจ้าของข้อมูล
- จัดระบบคุมครองข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิการกาผู้เยาว์ฯ
ให้บุคคลตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีสิทธิดำเนินการตามมาตรา 23 และมาตรา 24และมาตรานี้แทนผู้เยาว์คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถหรือเจ้าของข้อมูลที่ถึงแก้กรรมแล้วได้
หัวข้อ พระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของข้าราชการ พ.ศ. 2552
วิทยากร นางพรสวรรค์ เครือนวล เจ้าหน้าที่พัสดุ ชำนาญงาน
ฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง
วันที่ 19 สิงหาคม 2552
สถานที่ ห้องประชุมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 26 คน
องค์ความรู้ที่ได้รับจากกิจกรรม
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือในระบบประชาธิปไตรการให้ประชาชนมีโอกาสกว้างขวางในการได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ ของรัฐเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่ประชาชนจะได้สามารถแสดงความคิดเห็นและใช้สิทธิทางการเมืองได้โดยถูกต้องตามความเป็นจริงอันเป็นการส่งเสริมให้มีความเป็นรัฐบาล โดยประชาชนมากยิ่งขึ้นสมควรกำหนดให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น สมควรให้ประชาขนมีสิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสารของทางราชการโดยมี
โดยมีข้อยกเว้นอันไม่ต้องเปิดเผยที่แจ้งชัดและจำกัดเฉพาะข้อมูลข่าวสารที่หากเปิดเผยแล้วจะเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติหรือต่อประโยชน์ที่สำคัญของเอกชน ทั้งนี้ เพื่อพัฒนาระบบประชาธิปไตรให้มั่นคงและจะยังผลให้ประชาชนมีโอกาสรู้ถึงสิทธิหน้าที่ของตนได้อีกประการหนึ่งด้วยประกอบกับสมควรคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารของราชการไปพร้อมกันจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
การประกาศกฎหมายข้อมูลข่าวสารในราชกิจจานุเบกษา : เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2540 เล่ม 114 ตอนที่ 46 ก
วันบังคับใช้กฎหมายข้อมูลข่าวสาร : วันที่ 9 ธันวาคม 2540
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง : ในสมัยรัฐบาลยานชวนหลีกภัย นายกรัฐมนตรี
คำนิยาม
ข้อมูลข่าวสาร หมายความว่าสิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริงข้อมูลหรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะทำได้โดยสารภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึก ภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้กรากฎได้
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ
ข้อมูลข่าวสารของราชการ หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐของข้อมูลข่าวาสารเกี่ยวกับเอกชน
หน่วยงานของรัฐ หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่นรัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วน ที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากคดีองค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพหน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
ส่วนกลาง กระทรวง , ทบวง, กรม
ส่วนภูมิภาค จังหวัด, อำเภอ
ส่วนท้องถิ่น เทศบาล, อบจ., อบต., กทม., เมืองพัทยา
เจ้าหน้าที่ของรัฐข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล หมายความว่า ผู้ซึ่งปฎิบัติงานให้แก่หน่วยงานของรัฐ
โดยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่นที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
องค์กรตามกฎหมาย
1. คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ คณะกรรมการกฤษฎีการ เลขาธิการ คณะกรรมการเข้าราชการพลเรือน เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขากฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณและผู้ทรงคุณวุฒิอื่นจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีก 9 คน เป็นกรรมการด้วย
อำนาจหน้าที่
1. สอดส่องดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการปฎิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
2. ให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการปฎิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ตามที่ได้รับการขอ
3. เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือระเบียบองคณะรัฐมนตรีตามพระราชบัญญัตินี้
4. พิจารณาและให้ความเห็นเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 13
บัญญัติและผู้เกี่ยงข้อง
มาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ องค์ประกอบจำนวน 23 คน
- รมต. ที่ นรม. มอบหมาย
- กรรมการโดยตำแหน่ง 13 คน
- กรรมการแต่งตั้ง 9 คน (ผู้ทรงคุณวุฒิ)อยู่ในวาระ 3ปี
2. คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
องค์ประกอบ : ให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาต่างๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งตามข้อเสนอของคณะกรรมการ
อำนาจหน้าที่ : พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตร 14 หรือ 15 หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตร 17 และคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารบุคคลตามมาตร 25
คำนิจฉัย : คำวินิจฉัยของคณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลขาวสารให้เป็นที่สุดและในการวินิจฉัยจะมีข้อสังเกตเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องปฎิบัติเกี่ยวกับกรณีใดตามที่เห็นสมควรก็ได้
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ คณะหนึ่งต้องมีกรรมการไม่น้อยกว่า 3 คน อยู่ในวาระ 3 ปี
3. สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
องค์กร : ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการขึ้นใน สำนักงานปลัดสำนักงานรัฐมนตรี
หน้าที่ : ปฎิบัติเกี่ยวกับงานวิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการแลคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร งานกับหน่วยงานของรัฐ ให้คำปรึกษาแก่เอกชนเดียวกับการปฎิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 6 แห่งข้อมูลข่าวสารฯ กำหนดให้เป็นหน่วยงานราชการระดับกอง
สิทธิตามกฎหมาย
1. สิทธิได้รู้ตามมาตรา 7
หน่วยงานของรัฐต้องส่งข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังนี้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
- โครงสร้างและการจัดองค์กรในการดำเนินงาน
- สรุปอำนาจหน้าที่ที่สำคัญและวิธีการดำเนินงาน
- คำแนะนำในการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานของรัฐ
- กฎ มติคณะรัฐมนตรี ข้อบังคับคำสั่ง หนังสือเวียน ระเบียบแบบแผนนโยบายหรือการตีความ
- ข้อมูลข่าวสารอื่นที่คณะกรรมการกำหนด ข้อมูลข่าวสารใดที่ได้มีการจัดพิมพ์เพื่อให้แพร่หลายตามจำนวนพอสมควรแล้วถ้ามีการรลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาโดยอ้างอิงพิมพ์หรือสิ่งพิมพ์นั้นก็ให้ถือว่าเป็นการตามบทบัญญัติวรรคหนึ่งแล้วให้มีหน่วยงานของรัฐรวบรวมและจัดให้มีข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งให้เผยแพร่เพื่อขยายหรือจำหน่ายจ่ายแจก ณ ที่ทำการของหน่วยงานของรัฐแห่งนั้นตามที่เห็นสมควร
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา: 7 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ ประชาชน มีสิทธิตรวจดูหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่นำลงพิมพ์ในกิจจานุเบกษา และจัดพิมพ์เผยแพร่เพื่อจำหน่ายจ่ายแจก
2. สิทธิตรวจดูตามมาตรา 9
ภายใต้บังคับมาตรา 14 และ 15 หน่วยงานของรัฐต้องจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการอย่างน้อยดังต่อไปนี้ไว้ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ ทั่งนี้ ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนดเวลาอุทรธณ์
- ผลการพิจารณาและคำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน รวมทั้งความเห็นแย้ง และคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาวินิจฉัยดังกล่าว
- นโยบายหรือการตีความที่ไม่เข้าข่ายต้องลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาตตาม มาตรา 7 (4)
- แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีของปีที่กำลังดำเนินการ
- คู่มือหรือคำสั่งเกี่ยงกับวิธีปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งกระทบถึงสิทธิหน้าที่ของเอกชน
- สิ่งพิมพ์ที่ได้มีการอ้างอิงถึงมาตรา 7 วรรคสอง
- สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะผูกขาดตัดตอนหรือสัญญาร่วมทุนกับเอกชนในการจัดทำบริการสาธารณะ
- มติคณะรัฐมนตรี หรือมติคณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยกฎหมายหรือโดยมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ให้ระบุรายชื่อรายงานทางวิชาการกับงานข้อเท็จจริงหรือข้อมูลข่าวสารที่นำมาใช้ในพิจารณาไว้
- ข้อมูลข่าวสารอื่นตามที่ คณะกรรมการกำหนดข้อมูลข่าวสารที่จัดทำให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้ตามวรรคหนึ่งถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตามมาตรา 14 และ 15 อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทำโดยประการอื่นใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนนั้น
หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่
1. จัดสถานที่ลงประกาศในราชกิจานุเบกษา
2. นำข้อมูลข่าวสารมาแสดงในสถานที่ ตาม 1
3. จัดทำดัชนีสำหรับค้นหา
4. กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการเข้าตรวจดู
3. สิทธิขอดูงานตามมาตรา 11
นอกกจากข้อมูลข่าวสารของทางราชการที่ลงพิมพ์ในราชกิจานุเบกษาแล้วหรือที่จัดให้ ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้วหรือที่มีการจัดให้ประชาชน ได้ค้นคว้าตามมาตราที่ 26แล้วถ้าบุคคลใดขอข้อมูลข่างสารอื่นใดของราชการและคำขอของผู้นั้นระบุข้อมูลข่าวสารที่ต้องการที่ต้องการในลักษณะที่อาจเข้าใจ ได้ตามควรที่หน่วยงานของรัฐผู้รับผิดชอบจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้แก่ผู้ขอภายในเวลาอันสมควรเว้นแต่ผู้นั้น ขอจำนวนมากหรือบ่อยครั้งจนไม่มีเหตุผลอันสมควร
ข้อมูลข่าวสารของราชการได้มีสภาพอาจบุบหรือสลายได้ง่ายหน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการจัดหาให้หรือจัดทำสำเนา ให้ในสภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ข้อมูลข่าวสารนั้นก็ได้
ข้อมูลข่าวสารของราชการที่หน่วยนของรัฐจัดหาให้ตามวรรคหนึ่งต้องเป็นข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่แล้วในสภาพที่พร้อมจะให้ได้มิใช่เป็นการต้องไปจัดทำวิเคราะห์จำแนกรวบรวม หรือจัดให้มีการขึ้นใหม่เว้นแต่เป็นการแปลสภาพเป็นเอกสารจากข้อมูลข่าวสารที่บันทึกไว้ในระบบการบันทึกภาพหรือเสียงจากระบบคอมพิวเตอร์หรือระบบอื่นๆ ใด ทั้งนี้ตามที่คณะกรรมการกำหนดแต่ถ้าหากหน่วยงานของรัฐเห็นว่ากรณีที่ขอนั้นมิใช่การแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า และเป็นเรื่องที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพสำหรับผู้นั้นหรือเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะหน่วยงานของรัฐจะจัดหาข้อมูลข่าวสารนั้นให้ก็ได้
บทบัญญัติวรรคสามไม่เป็นการห้ามหน่วยงานของรัฐที่จะจัดให้มีข้อมูลข่าวสารของราชการได้ขึ้นใหม่ให้แก่ผู้ร้องขอหาก เป็นการสอดคล้องด้วยอำนาจหน้าที่ตามปกติของหน่วยงานของรัฐนั้นอยู่แล้ว ให้นำความในมาตรา 9วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่มาใช้บังคับแก่การจัดหาข้อมูลข่าวสารได้ตามมาตรานี้ โดยอนุโลม
4. สิทธิได้รับสำเนาและขอให้รับรองสำเนาถูกต้อง
บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนใดได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตามย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู ขอสำเนาหรือตรวจดุสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสารตามวรรคหนึ่งได้ในกรณีที่สมควรหน่วยงานของรัฐโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ จะวางหลักเกณฑ์เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการก็ได้ ในกรณีนี้ให้คำนึกถึงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยประกอบด้วยทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 9 และ 11 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ ประชาชนใช้สิทธิขอสำเนา
หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่
1. คัดสำเนาและรับรำเนา
2. กำหนอัตราค่าธรรมเนียม
สิทธิคัดค้านการเปิดเผย
มาตรา 17 ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของงานราชการใดอาจกระทบถึงประโยชน์ได้เสียของผู้ใดให้เจ้าหนี้ที่ของรัฐแจ้งให้ผู้นั้นเสนอคำคัดค้านภายในเวลา ที่กำหนดแต่ให้เวลาอันสมควรที่ผู้นั้นอาจเสนอคำคัดค้านได้จึงต้องไม่น้อยกว่าสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
ผู้ที่ได้รับจั้งตามวรรคหนึ่ง หรือผู้ที่ได้ทราบว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการใดอาจกระทบถึงผลประโยชน์ได้เสียขอตน มีสิทธิการคัดค้านของข้อมูลข่าวสารนั้นได้โดยทำเป็นหนังสือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ
ในกรณีที่มีคำคัดค้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาคำคัดค้านและแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้คัดค้านทราบโดยไม่ชักช้า ในกรณีที่คำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นมิได้จนกว่าจะล้วงพ้นตามมาตรา 18 หรือ จนกว่าคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ได้มีคำวินิจฉัยให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้นได้แล้วแต่กรณี
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ ประชาชนทั่วไปยื่นคำขอข้อมูล
ประชาชนทั่วไป
- คัดค้าน
- ใช้สิทธิคัดค้านพร้อมแสดงเหตุผล
- ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้าน
หน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่
- แจ้งผู้มีส่วนได้เสียคัดค้าน
- พิจารณาคำคัดค้าน
สิทธิเรียกร้อง
มาตรา 13 ผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 7 หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ตามมาตรา 9 หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา 11 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้หรือปฏิบัติหน้าที่ล้าช้าหรือเห็นว่าตนสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการ เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามมาตรา 15 หรือคำสั่งไม่รับฟังไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา 25
ในกรณีที่มีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามวรรคหนึ่งคณะกรรมการต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน ที่ได้รับคำร้องเรียน ในกรณีที่ได้มีเหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้ แต่ต้องแสดงเหตุผลและรวมเวลาทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 60 วัน
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร ฯ
ประชาชน ใช้สิทธิร้องเรียนหน่วยงานของรัฐ
- มีพฤติกรรมฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กขร.
- มีหน้าที่พิจารณาคำร้องเรียน กขร.
- ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
สิทธิอุธรณ์
มาตรา 18 ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา 14 มาตรา 15 หรือมีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านของผู้มีประโยชน์ได้เสียตามมาตรา 17 ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน 15 วันนัยแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งนั้น โดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
มาตรา 25 วรรคสี่ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มีคำขอ ให้ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ ได้รับแจ้งคำสั่งไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร โดยยื่นคำอุธรณ์ต่อคณะกรรมการและไม่ว่ากรณีใดๆ ให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องขอให้หน่วยงานของรัฐหมายเหตุคำขอของตนแนบไว้กับข้อมูลข่าวสาร ส่วนที่เกี่ยวข้องได้
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
มาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร
ประชาชน ใช้สิทธิอุทธรณ์ได้ 3 กรณี
หน่วยงานของรัฐ
- มีคำสั่งปฏิเสธไม่เปิดเผย/ไม่รัยฟังคำคัดค้าน/ไม่แก้ไขข้อมูลข่าวสารส่วนบุคลากร กขร.
- รับฟังคำอุทธรณ์
- พิจารณาส่งเรื่องอุทธรณ์ให้คณะกรรมการวินิจฉัยฯ กวล.
- พิจารณาคำอุทธรณ์
สิทธิได้รู้ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
มาตรา 25 ภายใต้บังคับมาตรา 14 และมาตรา 15 บุคคลย่อมมีสิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนและเมื่อบุคคลนั้นที่คำขอเป็นหนังสือหน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลส่วนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลนั้น และให้นำมาตรา 9 วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม
การเปิดเผยรายงานการแพทย์ที่เกี่ยวกับบุคคลใดถ้ากรณีที่มีเหตุผลอันควรเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเปิดเผยต่อเฉพาะแพทย์ที่บุคคลนั้นมอบหมายก็ได้
ถ้าบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารบุคคลเกี่ยวกับตนส่วนใดไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริงให้มีสิทธิยื่นคำขอเป็นหนังสือที่ให้หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแลข้อมูลข่าวสารนั้นได้ ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องพิจารณาคำขอดังกล่าว และแจ้งให้บุคคลนั้นทราบโดยไม่ชักช้า
บทบัญญัติและผู้เกี่ยวข้อง
- สิทธิขอดู
- ขอให้แก้ไข
ประชาชนอื่นจะขอดูได้ต้องได้รับหนังสือยินยอมจากเจ้าของข้อมูลหน่วยงานของรัฐ มีหน้าที่
- เปิดเผยแก่เจ้าของข้อมูล
- แก้ไข/หมายเหตุตามคำร้องขอเจ้าของข้อมูล
- จัดระบบคุมครองข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิการกาผู้เยาว์ฯ
ให้บุคคลตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมีสิทธิดำเนินการตามมาตรา 23 และมาตรา 24และมาตรานี้แทนผู้เยาว์คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถหรือเจ้าของข้อมูลที่ถึงแก้กรรมแล้วได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น