ธรรมาภิบาล เป็นคำนิยมใช้กันมากเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งหากจะพูดกันถึงหลักการแล้ว โดยองค์การสหประชาชาติด้านการพัฒนา (UNDP) และเริ่มใช้คำนี้อย่างสัมพันธ์กันและเพื่อเป็นหลักในเงื่อนไขที่สำคัญของการพัฒนา ที่พูดกันติดปากนั่นก็คือ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” (sustainable development) ซึ่งมักจะขยายมาจากคำว่า “อภิบาล” (governance) และจะมาจากความสัมพันธ์จากคำว่า “รัฐบาล” (government)
อภิบาล ตามความหมายนั้นได้พูดไว้ ก็คือ กระบวนการ หรือ หมายถึง ระบบ ซึ่งรัฐบาลนำมาใช้ ธรรมมาภิบาลเป็นกระบวนการตัดสินใจ หรือ อาจจะเป็นการกำหนดนโยบาย และกระบวนการนำมาตัดสินใจ หรือนโยบายนำไปสู่การปฏิบัติ ก็เป็นได้ และกระบวนการตัดสินใจนั้น อาจเป็นนโยบายนำไปสู่การปฏิบัติ อันเป็นสาธารณะทั้งหลาย ที่ได้ดำเนินงานเพื่อสาธารณะ การบริหารทรัพยากรของส่วนรวม การดูแลให้เกิดความเคารพในสิทธิมนุษยชน ธรรมาภิบาลเป็นการดำเนินการของการปลอดการคอรัปชั่น และเป็นการเคารพต่อกฎหมาย
ธรรมาภิบาล ถ้าจะแปลความหมาย ก็อาจจะหมายถึง ฐานสามฐาน นั้นก็คือ เศรษฐกิจ การเมือง และการบริหารจัดการ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับรัฐบาล และทางราชการ รวมถึงการประชาสังคม
ธรรมาภิบาลด้านเศรษฐกิจ หมายถึง กระบวนการตัดสินใจ ซึ่งมีผลถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจอื่น ๆ อันมีผลต่อ ความยากจน คุณภาพชีวิต
ธรรมาภิบาลด้านการเมือง หมายถึง กระบวนการตัดสินใจในการสร้างนโยบาย
ธรรมาภิบาลด้านการบริจัดการ คือ การดำเนินการตามนโยบาย นั้น ๆ
ธรรมาภิบาล มีลักษณะที่สำคัญ 9 ประการ ดังต่อไปนี้
1. การมีส่วนร่วม (participation) ชายหญิงทุกคนในประเทศมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ กำหนดนโยบายโดยตรง หรือผ่านสถาบันที่เป็นตัวแทนทั้งหลาย ทั้งผลประโยชน์ส่วนรวม และให้ทุกคนมีสิทธิรวมตัวกันและแสดงความคิดเห็นอย่างเสรี
2. หลักนิติธรรม (rule of law) มีกรอกกฎหมายที่ดีและมีการใช้บังคับโดยไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง ทุกคนต้องเคารพสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะกลุ่มน้อย
3. ความโปร่งใส (transparency) ความโปร่งในในการสื่อสาร การไหลเวียนอย่างอิสระของข้อมูลข่าวสาร มีการให้ข้อมูลข่าวสารเพียงพอ เพื่อแสดงถึงความเข้าใจ และสามารถตรวจติดตาม ตรวจสอบ
- 2 -
4. การตอบสนอง (responsiveness) สถาบันและ กระบวนของการรับใช้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (stakeholders) ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
5. มติร่วม (consensus) ในที่นี้ ธรรมาภิบาลจะเป็นตัวกลางในการประสานการมีส่วนร่วม รวมทั้งความสนใจ และผลประโยชน์ที่แตกต่างหลากหลายให้บรรลุจุดร่วม เป็นมติร่วม เพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุดแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง
6. ความเท่าเทียม ความเสมอภาค ความเป็นธรรม (equity) ทุกคนมีส่วนร่วมเท่าเทียมกัน และมีโอกาสในการพัฒนาชีวิตที่เท่าเทียมกัน ของตนเอง
7. ประสิทธิผล (effectiveness) แลประสิทธิภาพ (efficiency) เป็นกระบวนการ ที่ตอบสนองความต้องการของสังคม โดยการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ในชุมชน ให้มีอยู่อย่างดีที่สุด รวมไปถึงการใช้อย่างยั่งยืน และคุ้มค่า พร้อมทั้งคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
8. ความรับผิดชอบ (accountability) มีความรับผิดชอบต่อสาธารณะ และมีผลต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจ หรือนโยบายการปฏิบัติงาน
9. วิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ (strategic vision) ผู้นำสาธารณะ มีโลกทัศน์และชีวิทัศน์ ที่กว้างไกลเกี่ยวกับการพัฒนาและธรรมาภิบาล ซึ่งในที่นี้ จะต้องเข้าใจรากเหง้าซึ่งมีที่มาทางสังคมวัฒนธรรม อันเป็นรากฐานของสังคม
จะเห็นได้ว่า หลักของธรรมาภิบาล สามารถนำมาใช้ในหลักชีวิตประจำวัน หรือ การปฏิบัติงานของข้าราชการ หน่วยงาน และหากนำมาเป็นแนวทางในแนวคิดต่าง ๆ ทุกกรณี ก็จะช่วยทำให้การทำงานง่ายขึ้น และมีความผาสุกต่อองค์กร ซึ่งอาจจะถือเป็นค่านิยมสร้างสรรค์ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ค่านิยมสร้างสรรค์ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีไว้ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้สำหรับเป็นแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการทำงานใหม่ สามารถนำมาเป็นธรรมประจำใจที่พึงยึดถือ เพื่อให้การปฏิบัติงานภาครัฐได้เกิดขึ้นอย่างมีประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และประเทศชาติต่อไป นั้น หากจะคิดในอีกแง่มุมหนึ่ง เป็นข้อปฏิบัติขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะทำให้เอื้ออาทรต่อการสร้างสุขให้เกิดขึ้นได้ในบ้านเมือง และมิติเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และสิ่งแวดล้อมทั้งที่มาจากภายนอกและบุคลากรภายในองค์กร
ที่มา รู้ให้เก่า ตามให้ทันการเปลี่ยนแปลง: เสรี พงศ์พิศ , พ.ศ.2537
ฝ่ายบริหารงานทั่วไป

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น