เทคนิคใกล้ตัวสำหรับการประหยัดพลังงาน
หัวข้อ การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
วิทยากร คณะทำงานจัดการองค์ความรู้ สสภ.2
วันที่ 30 เมษายน 2553
สถานที่ ห้องประชุมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง
วิทยากร วีรพร ปานโชติ
นักวิชาการคอมพิวเตอร์ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. ลำปาง
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 29 คน
องค์ความรู้ที่ได้รับจากกิจกรรม
สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง เป็นหน่วยงานวิชาการที่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องต่อพ่วงจำนวนมาก ที่ทำให้มีค่าใช้จ่ายไฟฟ้าและพลังงาน ซึ่งควรต้องมีการบำรุงรักษาที่ถูกต้องให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ โดยจากการจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ในการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น สามารถสรุปความรู้ได้ดังนี้
การบำรุงรักษาตัวเครื่องทั่วๆไป
1. เครื่องจ่ายไฟสำรอง (UPS) ถ้ามีงบประมาณเพียงพอควรติดตั้งร่วมกับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ด้วยเพราะ UPS จะช่วยป้องกันและแก้ปัญหาทางไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นไฟตก ไฟเกิน หรือไฟกระชาก อันเป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดความเสียหายของข้อมูลและชิ้นส่วนอื่นๆ
2. การติดตั้งตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศหรือถ้ามีไม่มีเครื่องปรับอากาศควรเลือกห้องที่ปลอดฝุ่นมากที่สุดและการติดตั้งตัวเครื่อง ควรจากผนังพอสมควรเพื่อการระบายความร้อนที่ดี
3. การต่อสาย Cable ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ต่างๆเช่น Printer Modem Fax หรือส่วนอื่นๆจะต้องกระทำเมื่อ power off เท่านั้น
4. อย่าปิด - เปิดเครื่องบ่อยๆ เกินความจำเป็น เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายแก่โปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่
5. ไม่เคลื่อนย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ขณะที่เครื่องทำงานอยู่ เพราะจะทำให้อุปกรณ์บางตัวเกิดความเสียหายได้
6. อย่าเปิดฝาเครื่องขณะใช้งานอยู่ ถ้าต้องการเปิดต้อง power off และถอดปลั๊กไฟก่อน
7. ควรศึกษาจากคู่มือก่อนหรือการอบรมการใช้งาน Software ก่อนการใช้งาน
8. ตัวถังภายนอกของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เป็นส่วนประกอบของเหล็กกับพลาสติกเมื่อใช้นานๆจะมีฝุ่นและคราบรอยนิ้วมือมาติดทำให้ดูไม่สวยงามและถ้าปล่อยไว้นานๆจะทำความสะอาดยากจึงควรทำความสะอาดบ่อยๆอย่างน้อย1-2เดือนต่อครั้งโดยใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดที่ตัวเครื่องหรือใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะและที่สำคัญคือ ควรใช้ผ้าคลุมเครื่องให้เรียบร้อยหลังเลิกใช้งานทุกครั้งเพื่อป้องกันฝุ่นผง
การบำรุงรักษาจอภาพ ( Monitor )
ในส่วนของจอภาพนั้นอาจเสียหายได้เช่น ภาพอาการเลื่อนไหลภาพล้ม ภาพเต้นหรือไม่มีภาพเลย ซึ่งความเสียหายดังกล่าวจะต้องให้ช่างเท่านั้นเป็นผู้แก้ไขผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรระมัดระวัง โดยปฏิบัติดังนี้
1. อย่าให้วัตถุหรือน้ำไปกระทบหน้าจอคอมพิวเตอร์
2. ควรเปิดไฟที่จอก่อนที่สวิซต์ไฟที่ CPU เพื่อ boot เครื่อง
3. ไม่ควรปิดๆ เปิดๆ เครื่องติดๆกัน เมื่อปิดเครื่องแล้วทิ้งระยะไว้เล็กน้อยก่อนเปิดใหม่
4. ควรปรับความสว่างของจอภาพให้เหมาะสมกับสภาพของห้องทำงาน เพราะถ้าสว่างมากเกินไป
ย่อมทำให้จอภาพอายุสั้นลง
5. อย่าเปิดฝาหลัง Monitor ซ่อมเอง เพราะจะเป็นอันตรายจากกระแสไฟฟ้าแรงสูง
6. เมื่อมีการเปิดจอภาพทิ้งไว้นานๆ ควรจะมีการเรียกโปรแกรมถนอมจอภาพ (Screen Sever)
ขึ้นมาทำงานเพื่อยืดอายุการใช้งานของจอภาพ
การบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์ ( Inkjet & Dotmatrix Printer )
เครื่องพิมพ์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับแสดงผล รายงาน ของข้อมูลต่างๆทางกระดาษ การที่จะใช้เครื่องพิมพ์ทำงานได้เป็นปกติผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรหมั่นดูแลรักษาดังนี้
1. รักษาความสะอาดโดยดูดฝุ่นเศษกระดาษที่ติดอยู่ในเครื่องพิมพ์ทุกเดือนหรือใช้แปรงขนนุ่มปัดฝุ่น
เศษกระดาษออกจากเครื่องพิมพ์อย่าใช้แปรงชนิดแข็งเพราะอาจทำให้เครื่องเป็นรอยได้
2. ถ้าตัวเครื่องพิมพ์มีความสกปรกอาจ ใช้ผ้านุ่มหรือฟองน้ำชุบน้ำยาทำความสะอาดเครื่องใช้สำนักงานเช็ดถูส่วนที่เปนพลาสติกแต่ต้องระมัดระวังอย่าใช้น้ำเข้าตัวเครื่องพิมพ์ได้ และควร หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันหล่อลื่นทุกชนิด ในตัวเครื่องเพราะอาจทำให้ระบบกลไกเสียหายได้
3. ก่อนพิมพ์ทุกครั้งควรปรับความแรง ของหัวเข็มให้พอเหมาะกับความหนาของกระดาษ
4. ระหว่างพิมพ์ควรระวังหัวพิมพ์จะติดกระดาษ เช่น การพิมพ์ซองจดหมาย หรือกระดาษที่มีความหนาหรือบางเกินไป
5. อย่าถอดหรือเสียบสาย Cable ในขณะที่เครื่องพิมพ์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่
6. ไม่ควรพิมพ์กระดาษติดต่อกันนานเกินไปเพราะอาจทำให้หัวอ่านร้อนมากทำให้เครื่องชะงักหยุดพิมพ์กระดาษ
7. เมื่อเลิกพิมพ์งานควรนำกระดาษออกจากถาดกระดาษ และช่องนำกระดาษ
8. ไม่ควรใช้กระดาษไข(Stencil Paper)แบบธรรมดากับเครื่องพิมพ์ประเภทแบบกระแทก(Dotmatrix Printer)เนื่องจากเศษของกระดาษไขอาจจะไปอุดตันเข็มพิมพ์ อาจทำให้เข็มพิมพ์อาจหักได้ควรใช้กระดาษไขสำหรับเครื่องพิมพ์แทนเพื่อป้องกันการชำรุดของเฟืองที่ใช้หมุนกระดาษ
การบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ( Laser Printer )
Laser Printer เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถพิมพ์ภาพได้อย่างคมชัดมากมีความละเอียดสวยงาม แต่ราคาค่อนข้างสูงผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรระมัดระวังในการใช้งานแม้ว่าโอกาสจะเสียหายมีน้อยก็ตาม ข้อควรปฏิบัติดังนี้
1. การเลือกใช้กระดาษไม่ควรใช้กระดาษ ที่หนาเกินไปจะทำให้กระดาษติดเครื่องพิมพ์ได้
2. ควรกรีดกระดาษให้ดีอย่าให้กระดาษติดกัน เพราะอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระดาษติดในตัว
เครื่องพิมพ์ได้
3. การใช้พิมพ์ Laser Printer พิมพ์ลงในแผ่นใส ก็ต้องเลือกใช้แผ่นใสที่ใช้ถ่ายเอกสารได้เท่านั้น
หากใช่แผ่นใสแบบธรรมดาซึ่งไม่สามารถทนความร้อนได้อาจจะหลอมละลายติดเครื่องพิมพ์ทำให้
เกิดความเสียหาย
การทำความสะอาดระบบคอมพิวเตอร์
1. ไม่ควรทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ในขณะที่เครื่องยังเปิดอยู่ ถ้าคุณจะทำความ สะอาดเครื่อง
ควรปิดเครื่องทิ้งไว้ 5 นาที ก่อนลงมือทำความสะอาด
2. อย่าใช้ผ้าเปียก ผ้าชุ่มน้ำ เช็ดคอมพิวเตอร์อย่างเด็ดขาด ใช้ผ้าแห้งดีกว่า
3. อย่าใช้สบู่ น้ำยาทำความสะอาดใด ๆ กับคอมพิวเตอร์ เพราะจะทำให้ระบบของเครื่อง เกิดความเสียหาย
4. ไม่ควรฉีดสเปรย์ใด ๆ ไปที่คอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ
5. ไม่ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ
6. ไม่ควรดื่มน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ ในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์
7. ไม่ควรกินของคบเคี้ยวหรืออาหารใด ๆ ขณะทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์
8. ควรใช้ผ้าคลุมเครื่องให้เรียบร้อยหลังเลิกใช้งานทุกครั้งเพื่อป้องกันฝุ่นผงต่างๆ
ขั้นตอนการตั้งเวลาประหยัดพลังงาน คอมพิวเตอร์
1.คลิกขวา ที่พื้นที่ว่างๆหน้าจอ
2.คลิกเลือกคำสั่ง Properties
3.คลิกเลือกเทบ ชื่อ Screen Saver
4.คลิกปุ่ม Power
5.ทำการคลิกเลือกช่วงเวลาการปิดหน้าจอ monitor , hard disk , system standby ,system hibernates
ประหยัดพลังงาน จอภาพ แบบทำมือ
- เลือกใช้จอ LCD( Liquid Crystal Display) แทน จอ CRT นั้นย่อมาจาก( Cathode Ray Tube) เพราะประหยัดพลังงานกว่า ถึง 50%-60%
- ปิดจอเมื่อไม่ใช้งาน เช่นตอนพักเที่ยงกลางวันหรือเมื่อ ไม่ใช้งานเกินกว่า 15 นาที
- ตั้งเวลาปิด หน้าจอเมื่อไม่ใช้งาน
- จอภาพที่มีขนาดใหญ่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่า จอภาพที่มีขนาดเล็กกว่า เช่น จอภาพขนาด
- จอภาพที่มีความละเอียดในการแสดงผลสูงใช้ พลังงานไฟฟ้ามากกว่าจอภาพที่มีความละเอียดในการแสดงผล ต่ำกว่า
| ชนิด | ชนิดของจอภาพ | ||
| CRT/ใช้พลังงาน | LCD/ใช้พลังงาน | | |
| คอมพิวเตอร์ชนิดตั้งโต๊ะ จอภาพ | 220 วัตต์
| 255 วัตต์
| |
สำหรับคอมพิวเตอร์ชนิดตั้งโต๊ะ (Desktop) จะใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าคอมพิวเตอร์ชนิดกระเป๋าหิ้ว (Notebook) ดังนั้น ควรเลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะ ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เพื่อประหยัดพลังงาน เช่น
- เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วต่ำ สำหรับงานพิมพ์เอกสารทั่วไป หรืองานที่ไม่ต้องมี
การประมวลผล ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้
- เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบจัดการพลังงาน (Energy management) เช่น คอมพิวเตอร์ที่ผ่านการรับรองโดย Energy Star เพราะคอมพิวเตอร์ชนิดนี้ใช้กำลังไฟฟ้าเท่ากับคอมพิวเตอร์ทั่วไปขณะใช้งาน แต่จะใช้กำลังไฟฟ้าลดลง 55% ในขณะรอทำงาน หรือเมื่อไม่ได้ใช้งานในระยะเวลาที่กำหนด
- การปรับแต่งให้ คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ระบบปฏิบัติการยอดนิยมที่เราใช้กันอยู่อย่าง windows มีการทำงานของ service ต่าง ๆ มากมาย ทั้งที่จำเป็นต้องใช้และบางทีก็ไม่จำเป็น การปรับแต่งโดยส่วนใหญ่จะเข้าไปจัดการปิด service ที่ไม่ใช้ การสร้าง Virtual memory การจัดเรียงข้อมูล Defragment และวิธีการอื่น ๆ ที่สามารถดึงทรัพยากรมาใช้ได้สูงสุด แต่ในส่วนนี้ควรศึกษาให้ดีถึงข้อดีข้อเสีย และไม่แนะนำให้กระทำสำหรับผู้ใช้ทั่วไป สามารถอ่านเพิ่มเติมการปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- สภาพแวดล้อมที่ เหมาะสมในการใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นก็เช่นเดียวกับอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ คือต้องการสภาพแวดล้อมที่สะอาดปราศจากฝุ่น ความชื้น และควรทำงานในที่เย็น (21 ํC โดยประมาณ) แต่ไม่ควรเย็นเกินไปจนเกิดความชื้นและทำให้วงจรภายในเกิดการช็อตได้ เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์จะเกิดความร้อน หากใช้เพียงเครื่องสองเครื่องคงไม่มีปัญหา แต่หากเป็นจำนวนมากควร ติดเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ควรให้ความสนใจกับกระแสไฟฟ้า ควรติดตั้งเครื่องสำรองไฟฟ้าไว้เพื่อป้องกันปัญหากระแสไฟฟ้าตกหรือเกิน หรือกระตุก ซึ่งนอกจากมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานแล้ว ยังมีผลให้อุปกรณ์ภายในบางอย่างเสียหายโดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ และซีพียู
- หมั่นตรวจสอบและ ปรับปรุงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ภายในต่าง ๆ โดยปกติทั่วไป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละชิ้นส่วนจะมีอายุการใช้งานไม่เท่ากัน การเสื่อมหรือชำรุดของอุปกรณ์อย่างหนึ่งจะมีผลต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์โดย รวม เช่น RAM เมื่อมีการเสียหายบางแถวหรือบางส่วนก็อาจทำให้เกิดการแฮงค์บ่อยๆ Power Supply ซึ่งจะมีอัตราการจ่ายไฟได้ลดลงเรื่อย ๆ เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ความแรงของกระแสไฟฟ้าจะมีผลต่อประสิทธิภาพของ CPU และมีผลให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อและใช้ไฟร่วมกับเครื่องคอมทำงานผิดปกติ เช่น
- ความเข้ากันได้ของ อุปกรณ์ และโปรแกรมที่ใช้งาน การเข้ากันได้ หรือความสามารถทำงานร่วมกันได้ทางด้านเทคโนโลยี โดยส่วนใหญ่อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์จะมีการแจ้งคุณสมบัติต่าง ๆ ไว้ในคู่มือ นอกจากนี้การใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ ที่ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีระดับต่าง ๆ มากมาย โปรแกรมบางอย่างไม่สามารถใช้ได้กับระบบปฏิบัติการเก่า และไม่สามารถทำงานได้บนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้เทคโนโลยีแบบเก่า ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยง่ายเพราะเครื่องจะแสดงข้อผิดพลาด ให้ทราบว่าไม่สามารถทำงานได้ แต่หากไม่แจ้งข้อผิดพลาด สามารถทำงานได้ บางครั้งอาจเกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ โปรแกรมใช้งานคุณสมบัติหรือคำสั่งบางอย่างไม่ได้ ดังนั้นก่อนการ ใช้งานอุปกรณ์หรือโปรแกรมต่าง ๆ ควรอ่านคู่มือซักนิด เราจะพบกับข้อแนะนำที่ผู้ผลิต Recommend ว่าควรใช้กับอุปกรณ์อะไร คุณสมบัติขั้นต่ำเป็นอย่างไร?
- การใช้งาน คอมพิวเตอร์อย่างถูกวิธี ความหมายคือ นอกจากการรู้จักวิธีใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น เม้าส์ คีย์บอร์ด พริ้นเตอร์ และอื่น ๆ แล้ว ยังหมายถึงการรู้จักใช้งานระบบปฏิบัติการ โปรแกรม และระบบเครือข่ายอย่างถูกวิธีอีกด้วย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้คอมพิวเตอร์อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือ การรู้จักนำคอมพิวเตอร์มาปรับใช้ในการทำงานจริง โดยเฉพาะการนำข้อ เด่นของคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการเก็บข้อมูล ค้นหาข้อมูล จัดเรียงข้อมูล และประมวลผลได้รวดเร็วกว่ามนุษย์ ทั้งนี้ การผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ทรัพยากรทั้งน้ำมันในชั้นหินและสารเคมีในการผลิต มากกว่าผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ ถึง 10 เท่า (อ้างอิงจากข้อมูลของ UN) นอกจากนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์ตกรุ่นแล้วยังกินพื้นที่กว่า 70% ของพื้นที่ทิ้งขยะและปนเปื้อนด้วยโลหะหนัก
วิธีการประหยัดพลังงานง่าย ๆ 5 วิธี
- ถ้าคุณเป็นคนที่ดาวน์โหลด หนักมาก การใช้เครื่องโน๊ตบุ๊คหรือพีซีเก่า ๆ ที่ทำงานด้วยสัญญาณนาฬิกาต่ำจะช่วยประหยัดพลังงาน ทั้งสองแบบนั้นจะทำงานด้วยความเย็นมากกว่าเครื่องพีซีเดสก์ท็อปสมรรถนะสูง ซึ่งก็จะทำให้ใช้พลังงานน้อยลงเพื่อป้อนเข้าพัดลมระบายความร้อน
- อย่าไปวุ่นวายกับภาพพัก หน้าจอเลย ใช้การคุณสมบัติการตัดพลังงานอัตโนมัติที่มีอยู่ใน Windows เพื่อปิดจอภาพของคุณ เมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ บนหน้าจอเป็นระยะเวลาหนึ่ง
- ใช้ชุดหูฟังสักชุดหนึ่ง แทนที่จะใช้ชุดลำโพงเสียบปลั๊กไฟใหญ่โต ชุดลำโพงอย่างเช่น Creative Megaworks 5.1 แชนเนล สูบพลังงานมากกว่า แต่ชุดหูฟัง Sennheiser ประหยัดกว่าเป็นไหน ๆ และ X-Fi ก็ยังสามารถให้เสียงสมจริงรอบทิศทางได้ไม่ต่างกัน
- เมื่อมาถึงฤดูหนาว ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องทำความร้อนในห้องหรอก เครื่อง Dell XPS 600 ให้พลังงานความร้อนถึง 685BTU ในขณะเล่นเกม (และ 484BTU ในตอนที่ไม่ได้ทำงานอะไร) ซึ่งมันเป็นจำนวนพลังงานที่ร้อนพอจะต้มน้ำ 1 ลิตรให้เดือดได้ทุก ๆ ชั่วโมง
- หาซื้อจอภาพ LCD จอภาพ CRT ขนาด
- การปรับสถานะของพีซีไปที่โหมด Standby (หรือที่รู้จักกันในโหมด Sleep) ก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไร เพราะการปิดเครื่องโดยเสียบปลั๊กไฟคาไว้กับตัวเครื่อง ก็ยังคงใช้พลังงานอยู่
สถานะเครื่องหมายความว่าอย่างไร
- Standby เป็นโหมดที่เป็นประโยชน์กับเครื่องโน้ตบุ๊คมากกว่าเครื่องเดสก์ท็อป มันเป็นการปิดการทำงานของจอภาพ กราฟิกการ์ด ซาวนด์การ์ด ฮาร์ดดิสก์และไดรฟ์ซีดี แต่จะไม่ปิดการทำงานที่สำคัญอย่าง CPU และ RAM เครื่องคอมพิวเตอร์ยังคงเปิดอยู่ แต่ว่าใช้พลังงานต่ำ สภาวะของเครื่องขณะนั้นจะถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำ ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์
- Hibernate โหมด นี้เป็นวิธีการที่ก้าวไปไกลกว่านั้นอีกนิดหนึ่ง มันปิดการทำงานของทุกๆ อย่างและเขียนข้อมูลสภาวะของเครื่องในเวลานั้นไปยังฮาร์ดดิสก์ มันเป็นสถานะที่ใกล้เคียงกับการปิดเครื่องจริงๆ อุปกรณ์ทุกอย่างถูกปิดทั้งหมด ข้อเสียอย่างเดียวก็คือโฟลเดอร์ที่มีขนาดเท่ากับหน่วยความจำ (RAM) จะถูกเก็บไว้ในโฟลเดอร์ของ Windows เพื่อเก็บข้อมูลสภาวะนั้น ๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกนำมาใช้ก็ตาม
- Mode Screen Server เป็นเพียงการรักษาอายุการใช้งานของจอภาพเท่านั้น เพราะหากจอภาพต้องแสดงภาพอะไรอยู่นาน ๆ จะทำให้จอภาพเสื่อมคุณภาพได้ง่าย ภาพ Screen Server ไม่ได้ช่วยประหยัดพลังงาน เนื่องจากมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา ทำให้ทั้งจอภาพและ CPU ยังคงทำงานอยู่เช่นเดิม
วิธีการประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
มีอยู่ด้วยกัน 2 ส่วน คือ ส่วนของ CPU และ จอภาพ ปกติแล้ว CPU รวมทั้งอุปกรณ์ในเครื่องกินไฟไม่มากนัก ที่กินไฟมากกว่าจะเป็นจอภาพ ยิ่งจอใหญ่ก็ยิ่งกินไฟมาก การจะกำหนดให้มีระบบประหยัดพลังงานทำได้โดย ไปที่ Start > Control Panel เลือก Power Option ก็จะพบกับส่วนบริหารการใช้พลังงานของเครื่อง
- Power Schemes ตรงนี้เราจะตั้งได้เลยคล้าย Wizards ก็คือ เราตั้งว่าการใช้เครื่องเราเป็นแบบใด โปรแกรมจะประมาณว่า การใช้ควรเป็นลักษณะอย่างไร แต่เราสามารเลือกเป็น Home/Office Desk แล้วไปตั้งส่วนอื่นๆ ได้ตามใจเรา
- Turn off monitor สา มารตั้งได้ว่าจะให้ปิดหรือไม่ หรือจะตั้งเวลาปิดอัตโนมัติหลังจากไม่มีการใช้งานในระยะเวลาเท่าใด ซึ่งระบบจะถูกกระตุ้นให้กลับมาทำงานหลังจาก ที่กด Keyboard หรือ Mouse (ระบบนี้จะใช้ได้ดีกับ จอภาพที่มีสายไฟ ต่ออยู่ที่ CPU ไม่ใช่ปลั๊กภายนอก)
- Turn off hard disks เป็น การพัก Hard Disk เลือกคล้ายในหัวข้อ จอภาพ
- System standby เป็นการตั้งให้เครื่องอยู่ใน Mode Standby ทั้งหมดโดยรวม ซึ่งระบบจะถูกกระตุ้นให้กลับมาทำงานหลังจาก ที่กด Keyboard หรือ Mouse เมื่อตั้งแล้วก็กด OK หรือ Apply
สำหรับการใช้พลังงานของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละส่วนเปรียบเทียบได้ดังนี้
| สถานะ | สีของหลอด LED หน้าเครื่อง | พลังงานที่ใช้ |
| ON | เขียว | 80 W |
STAND BY / SUSPEND | ส้ม | < |
ACTIVE OFF | ส้ม | <> |
นอกจากนี้ค่าพลังงานที่ใช้จริงยังขึ้นกับยี่ห้อ และขนาดของจอภาพ โดยค่าพลังงานที่แสดงนี้เป็นจอภาพขนาด
| Mode | ระยะเวลา |
| Screen Server | อาจจะเป็น 15 - 30 นาที |
| Turn off Monitor | อาจเป็น 20 - 40 นาที |
| System Standby | อาจเป็น 1 - 1.5 ชั่วโมง |
ส่วน Turn off Hard disk ไม่จำเป็นต้องตั้งเพราะเมื่อระบบเป็น System Standby ทุกอย่างจะก็หยุดไปเอง แต่ทั้งนี้การตั้งอาจทำไม่ได้ทุก Function อย่างสมบูรณ์ หาก BIOS ไม่สนับสนุนระบบ Energy save หรือ Energy Star ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากคู่มือ Main Board หรือเข้าไปตรวจดูที่ Menu BIOS ตอน Boot เครื่องครับ และอีกอย่างหากจอภาพไม่ได้เสียบปลั๊กไฟกับหลังเครื่อง CPU แต่ไปเสียบปลั๊กนอกแทน
การใช้ คอมพิวเตอร์กับงานเอกสาร
งานเอกสาร หรืองานจัดการเอกสาร มีลักษณะเป็นงานประจำที่มีความยากลำบากหลายประการ ตั้งแต่การสร้างเอกสาร (พิมพ์) การจัดเก็บรักษา การค้นหา การเคลื่อนย้ายเอกสาร ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญในการจัดการเอกสารทดแทนเครื่องพิมพ์รุ่น เก่า โดยเฉพาะหน่วยงานราชการที่คอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้กับงานเอกสารเป็นหลัก เพราะมีข้อดีที่สะดวก แก้ไขง่ายรวดเร็ว สามารถค้นหารวดเร็วกว่าการค้นหาเอกสารกระดาษ เก็บรักษาในรูปแบบข้อมูล การส่งข้อมูลเอกสารผ่านระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งปัจจุบันมีโปรแกรมจัดการเอกสารและประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง
ทำได้โดย
- การเลือกใช้ คอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสมกับงาน เนื่องจากงานเอกสารไม่จำเป็นต้องใช้ตัวประมวลผลหรือหน่วยความจำที่มี ประสิทธิภาพสูงมากนัก แม้แต่คอมพิวเตอร์รุ่นเก่าก็สามารถใช้งานเอกสารได้ดีในระดับหนึ่ง
- ใช้โปรแกรมจัดการเอกสารที่เหมาะสม ปัจจุบันนิยม Microsoft Word แต่มีให้เลือกหลายรุ่น บางครั้งอาจเกิดปัญหาเมื่อเอกสารที่สร้างขึ้นนำไปเปิดที่เครื่องอื่นไม่ได้ หรือส่งไปยังผู้รับแล้วเปิดไม่ได้ เนื่องจากการใช้โปรแกรมที่มีรุ่นสูงเกินไป หรือไม่เข้ากันกับเครื่องอื่น ทำให้เกิดปัญหาการใช้ไฟล์เอกสารร่วมกัน วิธีการก็คือ ควรใช้โปรแกรมรุ่นที่นิยมแพร่หลาย ที่ไม่ใช่โปรแกรมรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ และอาจมีบั๊กหรือข้อบกพร่องของโปรแกรมอยู่มาก
- ไฟล์เอกสารที่มีขนาดเล็ก มักไม่ค่อยมีปัญหา หรือเมื่อเกิดปัญหาการกู้ข้อมูล การสร้างไฟล์ขึ้นใหม่ หรือพิมพ์ใหม่ก็สามารถทำได้ง่าย แล้วถ้าเอกสารประมาณ 100 หน้าของคุณเกิดมีปัญหาขึ้นมาล่ะ? ขอแสดงความยินดีที่คุณมีไฟล์สำรอง... นอกจากปัญหาดังกล่าวแล้วการเปิดไฟล์ขนาดหลายร้อยหน้าจำเป็นต้องใช้หน่วยความ จำใหญ่พอสมควร ในบางครั้งหากหน่วยความจำไม่เพียงพอข้อมูลเอกสารอาจจะไม่สามารถเปิดได้ หรือเปิดได้แต่แสดงผลผิดพลาดไม่เป็นตัวอักษร สามารถจัดการปัญหานี้ได้โดยการแบ่งข้อมูลเป็นบทย่อยแล้วบันทึกเป็นหลาย ๆ ไฟล์แยกกัน วิธีนี้นอกจากช่วยลดการใช้หน่วยความจำในการเปิดเอกสาร ทำให้เอกสารเปิดได้เร็วขึ้น หากเกิดปัญหากับเอกสารจนไม่สามารถเปิดได้หรือกู้เอกสารไม่ได้คุณก็เสีย เอกสารไปเพียงไฟล์หนึ่งไม่ใช่ทั้งหมด
- ตั้ง ชื่อไฟล์ให้สื่อความหมาย เข้าใจง่าย ไม่ยืดยาว และเก็บไว้ในแฟ้มเอกสาร (Folder) ที่เหมาะสม โดยทั่วไปเอกสาร .doc ของ Microsoft Word จะเก็บลงใน My Document นั่นเอง นี่เป็นการจัดระบบเอกสารเบื้องต้นแบบหนึ่งของระบบ แต่เพื่อความปลอดภัยของเอกสารสำคัญสิ่งที่ควรทำคือ สร้าง แฟ้มเอกสารไว้ที่ไดรฟ์อื่นที่ไม่ใช่
- บันทึกไฟล์เป็นเอกสารมาตรฐาน หรือการบันทึกไฟล์เป็นนามสกุล .pdf
- รักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสไฟล์เอกสาร
- การจัดทำไฟล์สำรอง (ฺBackup) เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยของเอกสารที่ไม่ควรพลาด โดยอาจทำการสำรองข้อมูลด้วยสื่อ CD-Rom,
รายละเอียดเพิ่มเติม
การดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ Ink jet
การดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ laser





ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น