วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553



เทคนิคใกล้ตัวสำหรับการประหยัดพลังงาน

หัวข้อ การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

วิทยากร คณะทำงานจัดการองค์ความรู้ สสภ.2

วันที่ 30 เมษายน 2553

สถานที่ ห้องประชุมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง

วิทยากร วีรพร ปานโชติ

นักวิชาการคอมพิวเตอร์ ศูนย์วิทยพัฒนา มสธ. ลำปาง

ผู้เข้าร่วมกิจกรรม 29 คน

องค์ความรู้ที่ได้รับจากกิจกรรม

สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 ลำปาง เป็นหน่วยงานวิชาการที่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องต่อพ่วงจำนวนมาก ที่ทำให้มีค่าใช้จ่ายไฟฟ้าและพลังงาน ซึ่งควรต้องมีการบำรุงรักษาที่ถูกต้องให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ โดยจากการจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้ในการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น สามารถสรุปความรู้ได้ดังนี้

การบำรุงรักษาตัวเครื่องทั่วๆไป

1. เครื่องจ่ายไฟสำรอง (UPS) ถ้ามีงบประมาณเพียงพอควรติดตั้งร่วมกับตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ ด้วยเพราะ UPS จะช่วยป้องกันและแก้ปัญหาทางไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นไฟตก ไฟเกิน หรือไฟกระชาก อันเป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดความเสียหายของข้อมูลและชิ้นส่วนอื่นๆ

2. การติดตั้งตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ควรติดตั้งในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศหรือถ้ามีไม่มีเครื่องปรับอากาศควรเลือกห้องที่ปลอดฝุ่นมากที่สุดและการติดตั้งตัวเครื่อง ควรจากผนังพอสมควรเพื่อการระบายความร้อนที่ดี

3. การต่อสาย Cable ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ต่างๆเช่น Printer Modem Fax หรือส่วนอื่นๆจะต้องกระทำเมื่อ power off เท่านั้น

4. อย่าปิด - เปิดเครื่องบ่อยๆ เกินความจำเป็น เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายแก่โปรแกรมที่กำลังทำงานอยู่

5. ไม่เคลื่อนย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ขณะที่เครื่องทำงานอยู่ เพราะจะทำให้อุปกรณ์บางตัวเกิดความเสียหายได้

6. อย่าเปิดฝาเครื่องขณะใช้งานอยู่ ถ้าต้องการเปิดต้อง power off และถอดปลั๊กไฟก่อน

7. ควรศึกษาจากคู่มือก่อนหรือการอบรมการใช้งาน Software ก่อนการใช้งาน

8. ตัวถังภายนอกของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่เป็นส่วนประกอบของเหล็กกับพลาสติกเมื่อใช้นานๆจะมีฝุ่นและคราบรอยนิ้วมือมาติดทำให้ดูไม่สวยงามและถ้าปล่อยไว้นานๆจะทำความสะอาดยากจึงควรทำความสะอาดบ่อยๆอย่างน้อย1-2เดือนต่อครั้งโดยใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆเช็ดที่ตัวเครื่องหรือใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะและที่สำคัญคือ ควรใช้ผ้าคลุมเครื่องให้เรียบร้อยหลังเลิกใช้งานทุกครั้งเพื่อป้องกันฝุ่นผง

การบำรุงรักษาจอภาพ ( Monitor )

ในส่วนของจอภาพนั้นอาจเสียหายได้เช่น ภาพอาการเลื่อนไหลภาพล้ม ภาพเต้นหรือไม่มีภาพเลย ซึ่งความเสียหายดังกล่าวจะต้องให้ช่างเท่านั้นเป็นผู้แก้ไขผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรระมัดระวัง โดยปฏิบัติดังนี้

1. อย่าให้วัตถุหรือน้ำไปกระทบหน้าจอคอมพิวเตอร์

2. ควรเปิดไฟที่จอก่อนที่สวิซต์ไฟที่ CPU เพื่อ boot เครื่อง

3. ไม่ควรปิดๆ เปิดๆ เครื่องติดๆกัน เมื่อปิดเครื่องแล้วทิ้งระยะไว้เล็กน้อยก่อนเปิดใหม่

4. ควรปรับความสว่างของจอภาพให้เหมาะสมกับสภาพของห้องทำงาน เพราะถ้าสว่างมากเกินไป

ย่อมทำให้จอภาพอายุสั้นลง

5. อย่าเปิดฝาหลัง Monitor ซ่อมเอง เพราะจะเป็นอันตรายจากกระแสไฟฟ้าแรงสูง

6. เมื่อมีการเปิดจอภาพทิ้งไว้นานๆ ควรจะมีการเรียกโปรแกรมถนอมจอภาพ (Screen Sever)

ขึ้นมาทำงานเพื่อยืดอายุการใช้งานของจอภาพ

การบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์ ( Inkjet & Dotmatrix Printer )

เครื่องพิมพ์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับแสดงผล รายงาน ของข้อมูลต่างๆทางกระดาษ การที่จะใช้เครื่องพิมพ์ทำงานได้เป็นปกติผู้ใช้คอมพิวเตอร์ควรหมั่นดูแลรักษาดังนี้

1. รักษาความสะอาดโดยดูดฝุ่นเศษกระดาษที่ติดอยู่ในเครื่องพิมพ์ทุกเดือนหรือใช้แปรงขนนุ่มปัดฝุ่น

เศษกระดาษออกจากเครื่องพิมพ์อย่าใช้แปรงชนิดแข็งเพราะอาจทำให้เครื่องเป็นรอยได้

2. ถ้าตัวเครื่องพิมพ์มีความสกปรกอาจ ใช้ผ้านุ่มหรือฟองน้ำชุบน้ำยาทำความสะอาดเครื่องใช้สำนักงานเช็ดถูส่วนที่เปนพลาสติกแต่ต้องระมัดระวังอย่าใช้น้ำเข้าตัวเครื่องพิมพ์ได้ และควร หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันหล่อลื่นทุกชนิด ในตัวเครื่องเพราะอาจทำให้ระบบกลไกเสียหายได้

3. ก่อนพิมพ์ทุกครั้งควรปรับความแรง ของหัวเข็มให้พอเหมาะกับความหนาของกระดาษ

4. ระหว่างพิมพ์ควรระวังหัวพิมพ์จะติดกระดาษ เช่น การพิมพ์ซองจดหมาย หรือกระดาษที่มีความหนาหรือบางเกินไป

5. อย่าถอดหรือเสียบสาย Cable ในขณะที่เครื่องพิมพ์ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่

6. ไม่ควรพิมพ์กระดาษติดต่อกันนานเกินไปเพราะอาจทำให้หัวอ่านร้อนมากทำให้เครื่องชะงักหยุดพิมพ์กระดาษ

7. เมื่อเลิกพิมพ์งานควรนำกระดาษออกจากถาดกระดาษ และช่องนำกระดาษ

8. ไม่ควรใช้กระดาษไข(Stencil Paper)แบบธรรมดากับเครื่องพิมพ์ประเภทแบบกระแทก(Dotmatrix Printer)เนื่องจากเศษของกระดาษไขอาจจะไปอุดตันเข็มพิมพ์ อาจทำให้เข็มพิมพ์อาจหักได้ควรใช้กระดาษไขสำหรับเครื่องพิมพ์แทนเพื่อป้องกันการชำรุดของเฟืองที่ใช้หมุนกระดาษ

การบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ( Laser Printer )

Laser Printer เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถพิมพ์ภาพได้อย่างคมชัดมากมีความละเอียดสวยงาม แต่ราคาค่อนข้างสูงผู้ใช้คอมพิวเตอร์จึงควรระมัดระวังในการใช้งานแม้ว่าโอกาสจะเสียหายมีน้อยก็ตาม ข้อควรปฏิบัติดังนี้

1. การเลือกใช้กระดาษไม่ควรใช้กระดาษ ที่หนาเกินไปจะทำให้กระดาษติดเครื่องพิมพ์ได้

2. ควรกรีดกระดาษให้ดีอย่าให้กระดาษติดกัน เพราะอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระดาษติดในตัว

เครื่องพิมพ์ได้

3. การใช้พิมพ์ Laser Printer พิมพ์ลงในแผ่นใส ก็ต้องเลือกใช้แผ่นใสที่ใช้ถ่ายเอกสารได้เท่านั้น

หากใช่แผ่นใสแบบธรรมดาซึ่งไม่สามารถทนความร้อนได้อาจจะหลอมละลายติดเครื่องพิมพ์ทำให้

เกิดความเสียหาย

การทำความสะอาดระบบคอมพิวเตอร์

1. ไม่ควรทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ในขณะที่เครื่องยังเปิดอยู่ ถ้าคุณจะทำความ สะอาดเครื่อง

ควรปิดเครื่องทิ้งไว้ 5 นาที ก่อนลงมือทำความสะอาด

2. อย่าใช้ผ้าเปียก ผ้าชุ่มน้ำ เช็ดคอมพิวเตอร์อย่างเด็ดขาด ใช้ผ้าแห้งดีกว่า

3. อย่าใช้สบู่ น้ำยาทำความสะอาดใด ๆ กับคอมพิวเตอร์ เพราะจะทำให้ระบบของเครื่อง เกิดความเสียหาย

4. ไม่ควรฉีดสเปรย์ใด ๆ ไปที่คอมพิวเตอร์ แป้นพิมพ์ และอุปกรณ์ต่าง ๆ

5. ไม่ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นกับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ

6. ไม่ควรดื่มน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มต่าง ๆ ในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์

7. ไม่ควรกินของคบเคี้ยวหรืออาหารใด ๆ ขณะทำงานด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์

8. ควรใช้ผ้าคลุมเครื่องให้เรียบร้อยหลังเลิกใช้งานทุกครั้งเพื่อป้องกันฝุ่นผงต่างๆ

ขั้นตอนการตั้งเวลาประหยัดพลังงาน คอมพิวเตอร์

1.คลิกขวา ที่พื้นที่ว่างๆหน้าจอ



2.คลิกเลือกคำสั่ง Properties



3.คลิกเลือกเทบ ชื่อ Screen Saver



4.คลิกปุ่ม Power



5.ทำการคลิกเลือกช่วงเวลาการปิดหน้าจอ monitor , hard disk , system standby ,system hibernates



ประหยัดพลังงาน จอภาพ แบบทำมือ

- เลือกใช้จอ LCD( Liquid Crystal Display) แทน จอ CRT นั้นย่อมาจาก( Cathode Ray Tube) เพราะประหยัดพลังงานกว่า ถึง 50%-60%

- ปิดจอเมื่อไม่ใช้งาน เช่นตอนพักเที่ยงกลางวันหรือเมื่อ ไม่ใช้งานเกินกว่า 15 นาที

- ตั้งเวลาปิด หน้าจอเมื่อไม่ใช้งาน

- จอภาพที่มีขนาดใหญ่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่า จอภาพที่มีขนาดเล็กกว่า เช่น จอภาพขนาด 17 นิ้ว ใช้ไฟฟ้ามากกว่าจอภาพขนาด 15 นิ้ว เป็นต้น เลือกใช้จอภาพที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เพราะจอภาพขนาด 15 นิ้ว ใช้พลังงานน้อยกว่าจอภาพขนาด 17 นิ้ว ถึง 20%

- จอภาพที่มีความละเอียดในการแสดงผลสูงใช้ พลังงานไฟฟ้ามากกว่าจอภาพที่มีความละเอียดในการแสดงผล ต่ำกว่า

ชนิด

ชนิดของจอภาพ

CRT/ใช้พลังงาน

LCD/ใช้พลังงาน


คอมพิวเตอร์ชนิดตั้งโต๊ะ จอภาพ 19 นิ้ว
คอมพิวเตอร์ชนิดตั้งโต๊ะ จอภาพ 17 นิ้ว
คอมพิวเตอร์ชนิดตั้งโต๊ะ จอภาพ 15 นิ้ว
คอมพิวเตอร์ชนิดกระเป๋าหิ้ว

220 วัตต์
190 วัตต์
190 วัตต์
-

255 วัตต์
135 วัตต์
120 วัตต์
20 วัตต์



สำหรับคอมพิวเตอร์ชนิดตั้งโต๊ะ (Desktop) จะใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าคอมพิวเตอร์ชนิดกระเป๋าหิ้ว (Notebook) ดังนั้น ควรเลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะ ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เพื่อประหยัดพลังงาน เช่น

- เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วต่ำ สำหรับงานพิมพ์เอกสารทั่วไป หรืองานที่ไม่ต้องมี

การประมวลผล ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้

- เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบจัดการพลังงาน (Energy management) เช่น คอมพิวเตอร์ที่ผ่านการรับรองโดย Energy Star เพราะคอมพิวเตอร์ชนิดนี้ใช้กำลังไฟฟ้าเท่ากับคอมพิวเตอร์ทั่วไปขณะใช้งาน แต่จะใช้กำลังไฟฟ้าลดลง 55% ในขณะรอทำงาน หรือเมื่อไม่ได้ใช้งานในระยะเวลาที่กำหนด

- การปรับแต่งให้ คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ระบบปฏิบัติการยอดนิยมที่เราใช้กันอยู่อย่าง windows มีการทำงานของ service ต่าง ๆ มากมาย ทั้งที่จำเป็นต้องใช้และบางทีก็ไม่จำเป็น การปรับแต่งโดยส่วนใหญ่จะเข้าไปจัดการปิด service ที่ไม่ใช้ การสร้าง Virtual memory การจัดเรียงข้อมูล Defragment และวิธีการอื่น ๆ ที่สามารถดึงทรัพยากรมาใช้ได้สูงสุด แต่ในส่วนนี้ควรศึกษาให้ดีถึงข้อดีข้อเสีย และไม่แนะนำให้กระทำสำหรับผู้ใช้ทั่วไป สามารถอ่านเพิ่มเติมการปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

- สภาพแวดล้อมที่ เหมาะสมในการใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นก็เช่นเดียวกับอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ คือต้องการสภาพแวดล้อมที่สะอาดปราศจากฝุ่น ความชื้น และควรทำงานในที่เย็น (21 ํC โดยประมาณ) แต่ไม่ควรเย็นเกินไปจนเกิดความชื้นและทำให้วงจรภายในเกิดการช็อตได้ เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์จะเกิดความร้อน หากใช้เพียงเครื่องสองเครื่องคงไม่มีปัญหา แต่หากเป็นจำนวนมากควร ติดเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ควรให้ความสนใจกับกระแสไฟฟ้า ควรติดตั้งเครื่องสำรองไฟฟ้าไว้เพื่อป้องกันปัญหากระแสไฟฟ้าตกหรือเกิน หรือกระตุก ซึ่งนอกจากมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานแล้ว ยังมีผลให้อุปกรณ์ภายในบางอย่างเสียหายโดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ และซีพียู

- หมั่นตรวจสอบและ ปรับปรุงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ภายในต่าง ๆ โดยปกติทั่วไป อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละชิ้นส่วนจะมีอายุการใช้งานไม่เท่ากัน การเสื่อมหรือชำรุดของอุปกรณ์อย่างหนึ่งจะมีผลต่อการทำงานของคอมพิวเตอร์โดย รวม เช่น RAM เมื่อมีการเสียหายบางแถวหรือบางส่วนก็อาจทำให้เกิดการแฮงค์บ่อยๆ Power Supply ซึ่งจะมีอัตราการจ่ายไฟได้ลดลงเรื่อย ๆ เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ความแรงของกระแสไฟฟ้าจะมีผลต่อประสิทธิภาพของ CPU และมีผลให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อและใช้ไฟร่วมกับเครื่องคอมทำงานผิดปกติ เช่น Flash Drive เมื่อ คอมพิวเตอร์แสดงอาการผิดปกติ ควรรีบตรวจสอบแก้ไขโดยเร็ว หากยังฝืนใช้งานต่อไป นอกจากประสิทธิภาพที่ลดลงแล้วยังทำให้อุปกรณ์อื่น ได้รับผลกระทบและอายุการใช้งานลดลงด้วย เป็นต้น

- ความเข้ากันได้ของ อุปกรณ์ และโปรแกรมที่ใช้งาน การเข้ากันได้ หรือความสามารถทำงานร่วมกันได้ทางด้านเทคโนโลยี โดยส่วนใหญ่อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์จะมีการแจ้งคุณสมบัติต่าง ๆ ไว้ในคู่มือ นอกจากนี้การใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ ที่ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีระดับต่าง ๆ มากมาย โปรแกรมบางอย่างไม่สามารถใช้ได้กับระบบปฏิบัติการเก่า และไม่สามารถทำงานได้บนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้เทคโนโลยีแบบเก่า ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็สามารถแก้ปัญหาได้โดยง่ายเพราะเครื่องจะแสดงข้อผิดพลาด ให้ทราบว่าไม่สามารถทำงานได้ แต่หากไม่แจ้งข้อผิดพลาด สามารถทำงานได้ บางครั้งอาจเกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ โปรแกรมใช้งานคุณสมบัติหรือคำสั่งบางอย่างไม่ได้ ดังนั้นก่อนการ ใช้งานอุปกรณ์หรือโปรแกรมต่าง ๆ ควรอ่านคู่มือซักนิด เราจะพบกับข้อแนะนำที่ผู้ผลิต Recommend ว่าควรใช้กับอุปกรณ์อะไร คุณสมบัติขั้นต่ำเป็นอย่างไร?

- การใช้งาน คอมพิวเตอร์อย่างถูกวิธี ความหมายคือ นอกจากการรู้จักวิธีใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เช่น เม้าส์ คีย์บอร์ด พริ้นเตอร์ และอื่น ๆ แล้ว ยังหมายถึงการรู้จักใช้งานระบบปฏิบัติการ โปรแกรม และระบบเครือข่ายอย่างถูกวิธีอีกด้วย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้คอมพิวเตอร์อย่างเต็มประสิทธิภาพ คือ การรู้จักนำคอมพิวเตอร์มาปรับใช้ในการทำงานจริง โดยเฉพาะการนำข้อ เด่นของคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถในการเก็บข้อมูล ค้นหาข้อมูล จัดเรียงข้อมูล และประมวลผลได้รวดเร็วกว่ามนุษย์ ทั้งนี้ การผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ทรัพยากรทั้งน้ำมันในชั้นหินและสารเคมีในการผลิต มากกว่าผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ ถึง 10 เท่า (อ้างอิงจากข้อมูลของ UN) นอกจากนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์ตกรุ่นแล้วยังกินพื้นที่กว่า 70% ของพื้นที่ทิ้งขยะและปนเปื้อนด้วยโลหะหนัก

วิธีการประหยัดพลังงานง่าย ๆ 5 วิธี

- ถ้าคุณเป็นคนที่ดาวน์โหลด หนักมาก การใช้เครื่องโน๊ตบุ๊คหรือพีซีเก่า ๆ ที่ทำงานด้วยสัญญาณนาฬิกาต่ำจะช่วยประหยัดพลังงาน ทั้งสองแบบนั้นจะทำงานด้วยความเย็นมากกว่าเครื่องพีซีเดสก์ท็อปสมรรถนะสูง ซึ่งก็จะทำให้ใช้พลังงานน้อยลงเพื่อป้อนเข้าพัดลมระบายความร้อน

- อย่าไปวุ่นวายกับภาพพัก หน้าจอเลย ใช้การคุณสมบัติการตัดพลังงานอัตโนมัติที่มีอยู่ใน Windows เพื่อปิดจอภาพของคุณ เมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ บนหน้าจอเป็นระยะเวลาหนึ่ง

- ใช้ชุดหูฟังสักชุดหนึ่ง แทนที่จะใช้ชุดลำโพงเสียบปลั๊กไฟใหญ่โต ชุดลำโพงอย่างเช่น Creative Megaworks 5.1 แชนเนล สูบพลังงานมากกว่า แต่ชุดหูฟัง Sennheiser ประหยัดกว่าเป็นไหน ๆ และ X-Fi ก็ยังสามารถให้เสียงสมจริงรอบทิศทางได้ไม่ต่างกัน

- เมื่อมาถึงฤดูหนาว ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องทำความร้อนในห้องหรอก เครื่อง Dell XPS 600 ให้พลังงานความร้อนถึง 685BTU ในขณะเล่นเกม (และ 484BTU ในตอนที่ไม่ได้ทำงานอะไร) ซึ่งมันเป็นจำนวนพลังงานที่ร้อนพอจะต้มน้ำ 1 ลิตรให้เดือดได้ทุก ๆ ชั่วโมง

- หาซื้อจอภาพ LCD จอภาพ CRT ขนาด 21 นิ้ว โดยปกติแล้วจะใช้พลังงาน 122 วัตต์ต่อชั่วโมง แต่จอภาพ LCD-TFT ขนาด 19 นิ้ว จะใช้พลังงานเพียงแค่ 35 วัตต์ ประหยัดพลังงานมากกว่าครึ่ง แต่ถ้าเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ข้ามคืน หรือทิ้งไว้ในขณะที่คุณไม่อยู่บ้าน จะเผาผลาญพลังงานด้วยอัตราสูงลิ่ว โดยเฉพาะเครื่องพีซีเพียงอย่างเดียว จะใช้พลังงานประมาณ 0.14 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ในสถานะปกติ ไม่มีแอพพลิเคชั่นใด ๆ เปิดอยู่ และหากเปิดทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้ในช่วงเวลาทำงาน 10 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น จะใช้พลังงานถึง 2.8 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง วันจันทร์ถึงวันศุกร์ก็เท่ากับ 14 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง และคิดทั้งปี 728 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง

- การปรับสถานะของพีซีไปที่โหมด Standby (หรือที่รู้จักกันในโหมด Sleep) ก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไร เพราะการปิดเครื่องโดยเสียบปลั๊กไฟคาไว้กับตัวเครื่อง ก็ยังคงใช้พลังงานอยู่

สถานะเครื่องหมายความว่าอย่างไร

- Standby เป็นโหมดที่เป็นประโยชน์กับเครื่องโน้ตบุ๊คมากกว่าเครื่องเดสก์ท็อป มันเป็นการปิดการทำงานของจอภาพ กราฟิกการ์ด ซาวนด์การ์ด ฮาร์ดดิสก์และไดรฟ์ซีดี แต่จะไม่ปิดการทำงานที่สำคัญอย่าง CPU และ RAM เครื่องคอมพิวเตอร์ยังคงเปิดอยู่ แต่ว่าใช้พลังงานต่ำ สภาวะของเครื่องขณะนั้นจะถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำ ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์

- Hibernate โหมด นี้เป็นวิธีการที่ก้าวไปไกลกว่านั้นอีกนิดหนึ่ง มันปิดการทำงานของทุกๆ อย่างและเขียนข้อมูลสภาวะของเครื่องในเวลานั้นไปยังฮาร์ดดิสก์ มันเป็นสถานะที่ใกล้เคียงกับการปิดเครื่องจริงๆ อุปกรณ์ทุกอย่างถูกปิดทั้งหมด ข้อเสียอย่างเดียวก็คือโฟลเดอร์ที่มีขนาดเท่ากับหน่วยความจำ (RAM) จะถูกเก็บไว้ในโฟลเดอร์ของ Windows เพื่อเก็บข้อมูลสภาวะนั้น ๆ แม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกนำมาใช้ก็ตาม

- Mode Screen Server เป็นเพียงการรักษาอายุการใช้งานของจอภาพเท่านั้น เพราะหากจอภาพต้องแสดงภาพอะไรอยู่นาน ๆ จะทำให้จอภาพเสื่อมคุณภาพได้ง่าย ภาพ Screen Server ไม่ได้ช่วยประหยัดพลังงาน เนื่องจากมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา ทำให้ทั้งจอภาพและ CPU ยังคงทำงานอยู่เช่นเดิม

วิธีการประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์

มีอยู่ด้วยกัน 2 ส่วน คือ ส่วนของ CPU และ จอภาพ ปกติแล้ว CPU รวมทั้งอุปกรณ์ในเครื่องกินไฟไม่มากนัก ที่กินไฟมากกว่าจะเป็นจอภาพ ยิ่งจอใหญ่ก็ยิ่งกินไฟมาก การจะกำหนดให้มีระบบประหยัดพลังงานทำได้โดย ไปที่ Start > Control Panel เลือก Power Option ก็จะพบกับส่วนบริหารการใช้พลังงานของเครื่อง

- Power Schemes ตรงนี้เราจะตั้งได้เลยคล้าย Wizards ก็คือ เราตั้งว่าการใช้เครื่องเราเป็นแบบใด โปรแกรมจะประมาณว่า การใช้ควรเป็นลักษณะอย่างไร แต่เราสามารเลือกเป็น Home/Office Desk แล้วไปตั้งส่วนอื่นๆ ได้ตามใจเรา

- Turn off monitor สา มารตั้งได้ว่าจะให้ปิดหรือไม่ หรือจะตั้งเวลาปิดอัตโนมัติหลังจากไม่มีการใช้งานในระยะเวลาเท่าใด ซึ่งระบบจะถูกกระตุ้นให้กลับมาทำงานหลังจาก ที่กด Keyboard หรือ Mouse (ระบบนี้จะใช้ได้ดีกับ จอภาพที่มีสายไฟ ต่ออยู่ที่ CPU ไม่ใช่ปลั๊กภายนอก)

- Turn off hard disks เป็น การพัก Hard Disk เลือกคล้ายในหัวข้อ จอภาพ

- System standby เป็นการตั้งให้เครื่องอยู่ใน Mode Standby ทั้งหมดโดยรวม ซึ่งระบบจะถูกกระตุ้นให้กลับมาทำงานหลังจาก ที่กด Keyboard หรือ Mouse เมื่อตั้งแล้วก็กด OK หรือ Apply

สำหรับการใช้พลังงานของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละส่วนเปรียบเทียบได้ดังนี้


สถานะ

สีของหลอด LED หน้าเครื่อง

พลังงานที่ใช้

ON

เขียว

80 W

STAND BY / SUSPEND

ส้ม

<

ACTIVE OFF

ส้ม

<>


นอกจากนี้ค่าพลังงานที่ใช้จริงยังขึ้นกับยี่ห้อ และขนาดของจอภาพ โดยค่าพลังงานที่แสดงนี้เป็นจอภาพขนาด 15 นิ้ว ที่ใช้กันโดยทั่วไป โดยควรตั้งเวลาที่เหมาะสมดังนี้


Mode

ระยะเวลา

Screen Server

อาจจะเป็น 15 - 30 นาที

Turn off Monitor

อาจเป็น 20 - 40 นาที

System Standby

อาจเป็น 1 - 1.5 ชั่วโมง


ส่วน Turn off Hard disk ไม่จำเป็นต้องตั้งเพราะเมื่อระบบเป็น System Standby ทุกอย่างจะก็หยุดไปเอง แต่ทั้งนี้การตั้งอาจทำไม่ได้ทุก Function อย่างสมบูรณ์ หาก BIOS ไม่สนับสนุนระบบ Energy save หรือ Energy Star ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากคู่มือ Main Board หรือเข้าไปตรวจดูที่ Menu BIOS ตอน Boot เครื่องครับ และอีกอย่างหากจอภาพไม่ได้เสียบปลั๊กไฟกับหลังเครื่อง CPU แต่ไปเสียบปลั๊กนอกแทน

การใช้ คอมพิวเตอร์กับงานเอกสาร

งานเอกสาร หรืองานจัดการเอกสาร มีลักษณะเป็นงานประจำที่มีความยากลำบากหลายประการ ตั้งแต่การสร้างเอกสาร (พิมพ์) การจัดเก็บรักษา การค้นหา การเคลื่อนย้ายเอกสาร ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญในการจัดการเอกสารทดแทนเครื่องพิมพ์รุ่น เก่า โดยเฉพาะหน่วยงานราชการที่คอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้กับงานเอกสารเป็นหลัก เพราะมีข้อดีที่สะดวก แก้ไขง่ายรวดเร็ว สามารถค้นหารวดเร็วกว่าการค้นหาเอกสารกระดาษ เก็บรักษาในรูปแบบข้อมูล การส่งข้อมูลเอกสารผ่านระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งปัจจุบันมีโปรแกรมจัดการเอกสารและประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง

ทำได้โดย

- การเลือกใช้ คอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสมกับงาน เนื่องจากงานเอกสารไม่จำเป็นต้องใช้ตัวประมวลผลหรือหน่วยความจำที่มี ประสิทธิภาพสูงมากนัก แม้แต่คอมพิวเตอร์รุ่นเก่าก็สามารถใช้งานเอกสารได้ดีในระดับหนึ่ง

- ใช้โปรแกรมจัดการเอกสารที่เหมาะสม ปัจจุบันนิยม Microsoft Word แต่มีให้เลือกหลายรุ่น บางครั้งอาจเกิดปัญหาเมื่อเอกสารที่สร้างขึ้นนำไปเปิดที่เครื่องอื่นไม่ได้ หรือส่งไปยังผู้รับแล้วเปิดไม่ได้ เนื่องจากการใช้โปรแกรมที่มีรุ่นสูงเกินไป หรือไม่เข้ากันกับเครื่องอื่น ทำให้เกิดปัญหาการใช้ไฟล์เอกสารร่วมกัน วิธีการก็คือ ควรใช้โปรแกรมรุ่นที่นิยมแพร่หลาย ที่ไม่ใช่โปรแกรมรุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ และอาจมีบั๊กหรือข้อบกพร่องของโปรแกรมอยู่มาก

- ไฟล์เอกสารที่มีขนาดเล็ก มักไม่ค่อยมีปัญหา หรือเมื่อเกิดปัญหาการกู้ข้อมูล การสร้างไฟล์ขึ้นใหม่ หรือพิมพ์ใหม่ก็สามารถทำได้ง่าย แล้วถ้าเอกสารประมาณ 100 หน้าของคุณเกิดมีปัญหาขึ้นมาล่ะ? ขอแสดงความยินดีที่คุณมีไฟล์สำรอง... นอกจากปัญหาดังกล่าวแล้วการเปิดไฟล์ขนาดหลายร้อยหน้าจำเป็นต้องใช้หน่วยความ จำใหญ่พอสมควร ในบางครั้งหากหน่วยความจำไม่เพียงพอข้อมูลเอกสารอาจจะไม่สามารถเปิดได้ หรือเปิดได้แต่แสดงผลผิดพลาดไม่เป็นตัวอักษร สามารถจัดการปัญหานี้ได้โดยการแบ่งข้อมูลเป็นบทย่อยแล้วบันทึกเป็นหลาย ๆ ไฟล์แยกกัน วิธีนี้นอกจากช่วยลดการใช้หน่วยความจำในการเปิดเอกสาร ทำให้เอกสารเปิดได้เร็วขึ้น หากเกิดปัญหากับเอกสารจนไม่สามารถเปิดได้หรือกู้เอกสารไม่ได้คุณก็เสีย เอกสารไปเพียงไฟล์หนึ่งไม่ใช่ทั้งหมด

- ตั้ง ชื่อไฟล์ให้สื่อความหมาย เข้าใจง่าย ไม่ยืดยาว และเก็บไว้ในแฟ้มเอกสาร (Folder) ที่เหมาะสม โดยทั่วไปเอกสาร .doc ของ Microsoft Word จะเก็บลงใน My Document นั่นเอง นี่เป็นการจัดระบบเอกสารเบื้องต้นแบบหนึ่งของระบบ แต่เพื่อความปลอดภัยของเอกสารสำคัญสิ่งที่ควรทำคือ สร้าง แฟ้มเอกสารไว้ที่ไดรฟ์อื่นที่ไม่ใช่ Local Drive หรือไม่ใช่ Drive C: เพราะเมื่อมีความผิดปกติกับ Windows จนถึงกับต้อง Format เราก็ไม่ต้องยุ่งยากหรือเสี่ยงกับการหายไปของข้อมูล ลองย้ายไปไว้ที่ D: E: หรือไดรฟ์อื่นเพื่อความปลอดภัย

- บันทึกไฟล์เป็นเอกสารมาตรฐาน หรือการบันทึกไฟล์เป็นนามสกุล .pdf

- รักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสไฟล์เอกสาร

- การจัดทำไฟล์สำรอง (ฺBackup) เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยของเอกสารที่ไม่ควรพลาด โดยอาจทำการสำรองข้อมูลด้วยสื่อ CD-Rom, Flash Drive หรือสื่ออื่น ๆ เพียงเท่านี้เราก็จะมีไฟล์สำรองพร้อมใช้ทันทีที่เกิดปัญหา

รายละเอียดเพิ่มเติม

การดูแลระบบคอมพิวเตอร์

การดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ Ink jet

การดูแลรักษาเครื่องพิมพ์ laser

ประหยัดพลังงานจอภาพ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น